ถ้าหากคุณเคยดูหนังฝรั่งที่เป็นออกแนวบู๊หรือแอคชั่น อาจจะเคยเห็นหมาพันธุ์หนึ่งที่มักจะอยู่กับตำรวจหรือทหาร แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า น้องคือหมาพันธุ์ โดเบอร์แมน โดยน้องไม่ได้แค่ได้รับความนิยมในหมู่ทหารหรือตำรวจเท่านั้นแต่ปัจจุบันได้มีคนเลี้ยงน้องเป็นเพื่อนแถมเป็นยามที่ช่วยเฝ้าบ้านได้เป็นอย่างดี ถ้าหากคุณสนใจในหมาพันธุ์นี้ มารู้จักกับน้องให้มากขึ้นกันเถอะ
ประวัติสายพันธุ์โดเบอร์แมน
โดเบอร์แมน พินสเชอร์ (Doberman Pinscher) มีต้นกำเนิดในช่วงเริ่มต้นของศตวรรษที่ 19 ในประเทศเยอรมัน โดยนักเพาะพันธุ์สุนัขในสมัยนั้นชื่อว่า นาย “หลุยซ์ โดเบอร์แมน” (Louis Dobermann) จากเมือง Apolda ณ ขณะนั้นเขามีอาชีพเป็นพนักงานเก็บภาษีแล้วต้องเดินทางไปหลายสถานที่และงานของเขามีความเสี่ยงและอันตรายจากโจรในระแวกนั้น เขาจึงเริ่มต้นคัดเลือกสุนัขเพื่อทำการเพาะพันธุ์ให้ได้สุนัขที่เป็นมิตร ซื่อสัตย์ ปกป้องเขา และเป็นเพื่อนร่วมเดินทางขณะเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ โดยทำการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง Old German Shorthaired Shepherd และ German Pinscher โดร์เบอร์แมน พินช์เชอร์ จึงถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1876 ทั้งนี้ก็ได้มีนักประวัติศาสตร์บางคนกล่าวว่า โดเบอร์แมน อาจจะมีการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง พันธุ์แมนเชสเตอร์ เทอร์เรียร์ (Manchester Terrier) ร็อตไวเลอร์ (rottweiler) เยอรมัน ฟินสเชอร์ (German Pinscher)
ช่วงหลังในศตวรรษที่ 19 Otto Goeller ผู้เพาะพันธุ์สุนัขชาวเยอรมัน เริ่มแรกเขาต้องการพัฒนาให้โดเบอร์แมนเป็นสุนัขที่มีความสามารถมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นความกล้าหาญ ว่องไว เฉลียวฉลาด และแข็งแกร่ง และดุดัน และในเวลาต่อมาเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเพาะพันธุ์สุนัขที่สามารถเพาะพันธุ์ไว้สำหรับใช้งาน โดยโดเบอร์แมนรุ่นแรกมีใบหน้ากว้าง และมีมวลกระดูกมากกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นหลัง ๆ และเมื่อเวลาผ่านไปผู้เพาะพันธุ์ได้พัฒนาให้มีลักษณะโครงสร้างที่ทันสมัยเหมือนที่เห็นในปัจจุบัน ในช่วงปี 1899 โดเบอร์แมนไดเรับความนิยมเป็นอย่างมากและได้ถูกนำเข้ามาในอเมริกาปี 1908 ซึ่งเป็นปีเดียวกันที่พบว่ามีการจดบันทึกสายพันธุ์ในสมาคม AKC (America Kennel Club)
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดเบอร์แมนในยุโรปจำนวนลดลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากสภาวะข้าวยากหมากแพง หลายคนจึงไม่มีกำลังมากพอจะสามารถเลี้ยงหมาตัวใหญ่ได้ ทั้งนี้โดเบอร์แมนที่เหลืออยู่นั้นจะอยู่กับหน่วยทหารและตำรวจ รวมไปถึงคนรวยที่สามารถเลี้ยงหมาตัวใหญ่ได้ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 น้อง ๆ นถูกใช้ในการรบควบคู่กับนาวิกโยธินในการรบในมหาสมุทรแปซิฟิก และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในฐานะสหายที่มีความกล้าหาญและแน่วแน่
ในช่วงหลายปีต่อมา เหล่านักเพาะพันธุ์พยายามจะปรับปรุงสายพันธุ์ให้โดเบอร์แมนนั้น สามารถเป็นสุนัขที่เป็นมิตรและภัคดี โดยสามารถทำให้มันปกป้องคนในบ้านได้ ทั้งนี้โดเบอร์แมนนั้น มักจะนิยมฝึกให้มันเป็นสุนัขตำรวจ รวมถึงสุนัขกู้ภัย และสุนัขบำบัด นอกจากนี้โดเบอร์แมนยังได้มีการเข้าร่วมสงครามอีกหลายครั้ง จนได้ฉายาว่าเป็น Devil Dogs และเมื่อสงครามจบลงได้มีการสร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญ และความเสียสละ ด้วยนิสัยที่ซื่อสัตย์ จึงทำให้น้อง ๆ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนถึงปัจจุบัน
ลักษณะทางกายภาพของโดเบอร์แมน
โดเบอร์แมนจัดว่าเป็นสุนัขที่มีขนาดปานกลาง วัดความสูงจากพื้นไปจนถึงไหล่สำหรับตัวโตเต็มวัยได้ 26-28 นิ้ว น้ำหนักตัวเมื่อโตเต็มที่อยู่ที่ประมาณ 35-45 กิโลกรัม โดยจะแตกต่างกันในตัวผู้และตัวเมีย โดยตัวเมียนั้นอาจตัวเล็กกว่าตัวผู้ 2-4 นิ้ว รวมถึงน้ำหนักก็จะเบากว่าน้ำหนักประมาณ 27-41 กิโลกรัม มีศีรษะที่ยาวเรียวและมีลำตัวเพรียว มีจุดเด่นที่กล้ามเนื้อทำให้มีความปราดเปรียวอย่างมากและยังมีความน่าเกรงขาม ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษในสุนัขประเภทสุนัขใช้งาน (Working dog)
โดยธรรมชาติน้อง ๆ จะมีหางที่ยาวและตรง ส่วนหูจับพับห้อยลงแต่ไม่เป็นที่นิยม ทั้งนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกานิยมตัดหางให้สั้นลงและนิยมตัดตกแต่งใบหู และดัดให้ตั้งขึ้น โดยมักจะทำในอายุระหว่าง 7-9 สัปดาห์ หากทำเมื่ออายุมากกว่า 12 สัปดาห์โอกาศที่หูจะตั้งจะลดน้อยลง นอกจากนี้ โดเบอร์แมนเป็นสุนัขที่ไม่ค่อยมีกลิ่นตัว ทำให้ง่ายต่อการดูแล และทำความสะอาด
สีขนของโดเบอร์แมนมีอยู่ด้วยกันหลายสี ประกอบไปด้วย สีดำ,สีออกแดง,สีน้ำตาลแกมเหลือง,สีน้ำเงิน และสีขาว สีที่พบบ่อยมากที่สุดก็คือสีดำและสีแทนหรือที่เรียกกันว่าสีสนิมหรือสีน้ำตาล แต่บางครั้งโดเบอร์แมนสีแดงก็ถูกเรียกว่าช็อกโกแลตโดเบอร์แมน ขนของโดเบอร์แมนจะมีลักษณะเรียบ สั้น มันวาว เรียงเป็นระเบียบ โดยทางสมาคมอเมริกัน เคนเน็ล คลับ (America Kennel Club, AKC) ได้กำหนดว่าสายพันธุ์โดเบอร์แมนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนต้องมีได้แค่ 3 สี และมีรอยแต้มสีสนิมได้ที่เหนือดวงตา บนจมูกและปาก ลำคอ และหน้าอกส่วนหน้า ด้านล่างหาง หรืออาจมีรอยปื้นสีขาวกลางหน้าอกได้ แต่ขนาดต้องไม่เกิน ½ ตารางนิ้ว และโดเบอร์แมน พินเชอร์ มักมีอายุประมาณ 10-12 ปี
ลักษณะนิสัยของ โดเบอร์แมน
ส่วนลักษณะนิสัยของโดเบอร์แมนนั้นจะมีความกล้าหาญ ชอบการผจญภัย มีความปราดเปรียวว่องไว มีมีสัญชาตญาณที่ดีทำให้สามารถจับความผิดปกติหรือคนแปลกหน้าได้เร็ว อีกทั้งยังมีความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเจ้าของจึงมักทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องและอารักขา ด้วยลักษณะนิสัยเช่นนี้จึงทำให้มีการนำไปฝึกที่โรงเรียนฝึกสุนัขเพื่อมาเป็นหมาลาดตระเวน,หมาอารักขา และหมาเฝ้าบ้าน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มีอันตรายเข้ามาใกล้พวกมันก็พร้อมจะสู้กลับโดยไม่ลังเล
ด้วยลักษณะนิสัยของน้อง ๆ ทำให้หลายคนเกรงว่าจะสามารถเลี้ยงไว้ในบ้านร่วมกับเด็กเล็กได้หรือไม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูหากนำโดเบอร์แมนมาเลี้ยงกับเด็ก ๆ ตั้งแต่พวกมันยังเล็ก อาจจะทำให้ผูกพันและเป็นมิตรสามารถปกป้องเด็ก ๆ จากอันตรายได้อีกด้วย ทั้งนี้นิสัยโดยทั่วไปของโดเบอร์แมนจะมีความก้าวร้าว การเลี้ยงไว้กับเด็ก ๆ จึงต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด
อาหารสุนัขโดเบอร์แมน พินช์เชอร์
น้องโดเบอร์แมน เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นจำพวกที่ต้องเคลื่อนไหว และต้องใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ น้องจึงต้องการสารอาหารที่เพียงพอ ทั้งนี้สำหรับการให้อาหารน้องนั้นอาจจะต้องมีคุณภาพที่ดีตลอดช่วงอายุ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากเลยทีเดียว โดยวัตถุดิบที่ใช้ควรประกอบด้วยโปรตีนและผักคุณภาพดี และหลีกเลี่ยงกลุ่มธัญพืชที่มีส่วนผสมของถั่วเหลือง ข้าวสาลี และข้าวโพด ปริมาณอาหารที่ให้จะขึ้นอยู่กับขนาดตัว ถ้าน้อง ๆ หนักสักประมาณ 80 ปอนด์จะให้อาหารเม็ดจำนวน 4 ถ้วยครึ่งต่อวัน โดยแบ่งให้กิน 2 มื้อเท่า ๆ กัน เพื่อป้องกันอาการท้องอืด หรือปัญหากระเพาะบิดตามมา
ในส่วนของปริมาณนั้นยังอาจะขึ้นอยู่กับขนาด, อายุ, ปริมาณการเผาผลาญ กิจกรรมที่สุนัขทำในแต่ละวัน รวมถึงคุณภาพของอาหารก็ถือว่าสำคัญเช่นเดียวกัน สำหรับน้องหมาโดเบอร์แมนที่มีกิจกรรมเยอะนั้น อาจจะมีการเพิ่มการให้อาหารที่มากขึ้นกว่าปกติ แต่สำหรับน้องที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมก็อาจจะให้น้อยลงมาหน้อย สำหรับอาหารที่มีคุณภาพสูงอาจจะให้ปริมาณที่น้อยลง เพราะว่าอาหารที่มีคุณภาพสูงนั้นจะถูกย่อยและดูดซึมเข้ากับร่างกายได้ง่ายกว่า ทำให้การทานอาหารปริมาณที่น้อยลงนั้นแต่ยังคงได้รับโปรตีนและสารอาหารชนิดอื่นได้แบบเพียงพอ ซึ่งการให้อาหารคุณภาพดีมากเกินไปอาจจะทำให้อ้วนได้ ทั้งนี้หากค่อนข้างกังวลในน้ำหนักของน้องอาจจะลองปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติม เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า เจ้าของโดเบอร์แมนควรจะใส่ใจในเรื่องของคุณภาพอาหาร รวมถึงปริมาณที่เหมาะสม ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้น้องมีสุขภาพแข็งแรงและอาหารที่ดีจะช่วยบำรุงกำลังได้อีกด้วย
โรคประจำพันธุ์ของโดเบอร์แมน พินช์เชอร์
ขอบอกก่อนว่าโดยทั่วไปนั้น โดเบอร์แมนจะมีร่างกายที่ค่อนข้างแข็งแรง ทั้งนี้ก็อย่าเพิ่งช่ะล่าใจเกินไปในสัตว์ทุกชนิดไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหนนั้นก็อาจจะมีแนวโน้มในเรื่องของสุขภาพที่ไม่แน่นอน ฉะนั้นการทราบเกี่ยวกับโรคประจำพันธุ์จึงถือเป็นสิ่งสำคัญและควรจะทราบไว้ก่อนจะเลี้ยงน้องโดเบอร์แมน
- โรคผิวหนังอักเสบ (Dermatitis)
- โรคผิวเผือก (Albinism)
- โรคขนร่วงในสุนัขสีเข้ม (Color Mutant Alopecia)
- โรคระบบโครงกระดูก ข้อต่อ และโครงสร้าง
- โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Hip Dysplasia)
- โรคกระดูกสันหลังส่วนคอเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ (Wobbler’s Syndrome)
- โรคกระดูกอักเสบ (Panosteitis)
- ภาวะกระเพาะอาหารขยายและบิดหมุน (Gastric Dilatation Volvulus : GDV)
- ภาวะขาดไทรอยด์ (Hypothyroidism)
- โรคระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจ
- โรควอนวิลลิแบรนด์ (von Willebrand’s disease : vWD)
- ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiomyopathy)
- โรคจอประสาทตาเสื่อม (progressive retinal atrophy)
- หูติดเชื้อ (Ear Infections)
- โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม (Intervertebral Disc Disease : IVDD)
- การเจริญผิดปกติของกระดูกสันหลังส่วนคอ (Wobbler’s Syndrome)
- โรคลมหลับ (Narcolepsy)
- ปัญหาระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral Neuropathy)
ข้อควรรู้ในการเลี้ยงหมา โดเบอร์แมน
- ก่อนจะพาน้องมาจากฟาร์มโดเบอร์แมนนั้น ก็อาจจะต้องทำความเข้าใจหรือรู้จักลักษณะพิเศษของน้อง ๆ พันธุ์นี้ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยงอย่างจริงจัง ซึ่งจะมีลายละเอียดดังนี้
- พาไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสุนัขทุกตัว ซึ่งโดเบอร์แมนนั้นจะมีความไวต่อพาร์โวไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคลำไส้อักเสบ ซึ่งอาจจะเกิดอาหารแทรกซ้อนได้และอันตรายถึงชีวิต โดยผู้เลี้ยงจะต้องพาน้องไปฉีดวัคซีนนี้ครั้งแรกเมื่ออายุ 6 สัปดาห์ จากนั้นก็พาไปฉีดทุกๆ 4 สัปดาห์จนกว่าโดเบอร์แมนจะมีอายุ 16-20 สัปดาห์
- พาไปออกกำลังกายเป็นประจำ ด้วยความที่น้องมีกล้ามเนื้อที่มีความแข็งแรงและมีพลังค่อนข้างเยอะจึงต้องการการออกกำลังกายมากกว่าหมาสายพันธุ์อื่น ไม่เช่นนั้นน้องอาจจะเกิดความก้าวร้าว คนเลี้ยงต้องหมั่นพาน้องไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่นวิ่ง โยนของให้คาบหรือเล่นซ่อนหาเพื่อพัศนาทักษะ ซึ่งการพาไปออกกำลังกายจะต้องทำบ่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอเพราะถ้าไม่ทำน้องอาจจะเครียดและมีพฤติกรรมไม่ดีได้ ทั้งนี้การพาไปฝึกที่โรงเรียนฝึกสุนัขก็เป็นอีกทีออก เพราะจะเป็นตัวช่วยในการทำตามคำสั่ง หรือปรับพฤติกรรมบางอย่างได้ดี
- โดเบอร์แมน มีขนสั้น ไม่มีกลิ่นตัวจึงดูแลง่าย เพียงแค่อาบน้ำให้อย่างสม่ำเสมอพร้อมกับทำการแปรงขนให้เป็นประจำเพื่อที่ขนจะได้สะอาด เป็นมันเงา
เครดิต : google.com